4 วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศ

         อากาศในปัจจุบันไม่ว่าจะภายในอาคาร หรือ นอกอาคาร ต่างมีมลพิษทางอากาศปะปนอยู่มากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ไรฝุ่น ฝุ่นละออง ควัน กลิ่น สารระเหยจากเฟอร์นิเจอร์ เชื้อโรค และ ขนสัตว์ มลพิษต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสารเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ ดังนั้นจึงควรมีการป้องกันมลพิษต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย โดยสิ่งที่จะช่วยในการป้องกันได้ นั้นก็คือ “เครื่องฟอกอากาศ”

        เครื่องฟอกอากาศ จะช่วยในการกรองอากาศที่มีมลพิษต่าง ๆ ให้สะอาดมากยิ่งขึ้น แต่การจะใช้เครื่องฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพในการกรองอากาศ ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศดังนี้

  1. เลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง คือ ก่อนที่จะทำการตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศ  1 เครื่องหรือหลายเครื่อง ควรทราบก่อนว่าห้องที่จะใช้มีขนาดกี่ตารางเมตร เนื่องจากขนาดของพื้นที่จะมีผลต่อประสิทธิภาพในการกรองอากาศของเครื่องฟอกอากาศ
  2. กำลังลมของเครื่องฟอกอากาศ  เนื่องจากภายในของเครื่องฟอกอากาศจะมีกลไกที่ทำงานด้วยระบบลม คือการดูดลมเข้าเพื่อทำการกรองอากาศ และ ปล่อยลมบริสุทธิ์ออก ซึ่งเครื่องฟอกอากาศควรมีระบบที่สามารถเลือกปรับแรงลมในการดูดให้เหมาะสมกับมลพิษในพื้นที่ได้ หรือ มีระบบกำหนดแรงลมอัตโนมัติด้วยเซนเซอร์การตรวจจับปริมาณฝุ่น หรือ ปริมาณมลพิษในอากาศ หรือ ปริมาณสารละเหยในอากาศ
  3. หัวใจของเครื่องฟอกอากาศ คือ แผ่นกรองอากาศในชั้นต่าง ๆ ซึ่งเครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่จะมีแผ่นกรองอยู่ประมาณ  2-3  ชั้นด้วยกัน คือ

1.กรองหยาบจะช่วยในการกรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่

2.การกรองละเอียดที่สามารถกรองฝุ่นได้ถึง 0.3 ไมครอน

3. การกรองกลิ่น ที่จะช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ 

แต่นอกจากแผ่นกรองที่สามารถกรองขั้นต้นแล้วนั้น  ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองที่สามารถกำจัดเชื้อโรค หรือ สารระเหยอันตรายได้ด้วย เพราะมลพิษที่ปะปนในอากาศไม่มีเพียงแค่ฝุ่นละออง หรือ กลิ่น เพียงอย่างเดียว

  1. การดูแลรักษาเครื่องฟอกอากาศ เป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่ง เพราะว่าหากไม่มีการดูแลรักษาเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพในการใช้งานเครื่องฟอกอากาศจะลดลง ดังนั้นไม่เพียงแค่การซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ แต่ยังต้องมีการดูแลรักษาเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานทีดีด้วย สิ่งที่ควรทราบ คือ

1.ราคาค่าดูแลรักษา

2.ระยะเวลา และ รายการอะไหล่ที่ต้องมีการเปลี่ยน เช่น แผ่นกรองในชั้นต่าง ๆ